คำกิริยา (Verb)
คือ คำแสดงอาการ การกระทำ หรือถูกกระทำ ของคำนามหรือคำสรรพนาม
รูปที่ใช้ของคำกิริยาสามารถบ่งบอกถึงช่วงเวลาที่แตกต่างกัน แบ่งเป็น
1. รูป Presens ใช้กับ
1.1 เหตุการณ์ที่เป็นจริงโดยทั่วไป เช่น
Han forteller at nesten 60% av landet består av fjell.
เขาบอกว่าพื้นที่กว่า 60% ของประเทศประกอบไปด้วยภูเขา
1.2 การบรรยายการกระทำ/เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หรือกำลังดำเนินอยู่ในขณะที่พูด เช่น
Nå bgynner vi å bli sultne.
ตอนนี้เราเร่ิมรู้สึกหิว
1.3 การกระทำที่เกิดขึ้นตลอดเวลา เป็นกิจวัตร ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
Hun står opp tidlig hverdag.
เธอตื่นนอนขึ้นมาแต่เช้าทุกวัน
1.4 ในบางกรณี ใช้กับการกระทำที่กำหนดแน่นอนว่าจะทำหรือเกิดขึ้นในอนาคต เช่น
Han kommer snart.
เขากำลังจะมาถึง
2. รูป Preteritum
2.1 ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบลงแล้วในอดีต มักจะมีคำแสดงอดีตปรากฏในประโยค
(หรือเกี่ยวข้องกับการบรรยายเหตุการณ์ในอดีต แม้ไม่ได้มีคำแสดงอดีตอยู่ในประโยคนั้น
เช่น การเล่าเรื่องประวัติศาสตร์)
Han reiste for to timer siden.
เขาเดินทางไปแล้วเมื่อสองชั่วโมงก่อน
For 200 år siden var Norge et fattig landsbruksland.
เมื่อ 200 ปีที่ผ่านมา ประเทศนอร์เวย์เป็นประเทศเกษตรกรรมที่ยากจน
2.2 ใช้กับเหตุการณ์ใช้กับการกระทำซึ่งเกิดขึ้นประจำในอดีต
แต่ปัจจุบันไม่ได้มีการกระทำเช่นนั้นแล้ว มักจะมีคำแสดงอดีต
และคำแสดงความบ่อยหรือความเป็นประจำด้วย เช่น
Elisabeth bodde i Thailand i 10 år.
เอลิซาเบ็ธเคยอยู่ประเทศไทยมาเป็นเวลา 10 ปี (แต่ตอนนี้ไม่ได้อยู่ประเทศไทยแล้ว)
3. รูป Futurum ใช้กับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น
Hun skal reise om to timer.
อีกสองชั่วโมง เธอจะเดินทาง
4. รูป Perfektum ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยๆ หรือ เพิ่งจะเกิดขึ้น
บางครั้งก็หมายถึงว่า ได้ทำสิ่งนั้นไปแล้ว (และ/หรือยังคงมีความต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน) เช่น
De har reist. พวกเขาเดินทางไปแล้ว หรือ พวกเขาพึ่งจะเดินทางไป
Til nå, har jeg ikke kunnet forstå han. จนถึงวันนี้ฉันก็ยังไม่สามารถที่จะเข้าใจเขาได้
5. Infinitiv กิริยาช่องที่ 1 เป็นรูปเริ่มต้นของคำกิริยาในภาษานอร์เวย์
มีทั้งแบบที่ไม่มีการตั้งต้นด้วย å (Infinitive form without å) และตั้งต้นด้วย å (Infinitive form with å)
เช่น å dra (ไป), å spise (กิน) คล้ายๆ กับคำว่า to ในภาษาอังกฤษ (เช่น to go, to eat)
6. Imparativ เป็นการเปลี่ยนรูปกิริยา โดยมักจะตัดตัว -e ที่อยู่ท้ายคำกิริยาออกเพื่อออกคำสั่ง
หรือบอกให้อีกฝ่ายกระทำสิ่งต่างๆ เช่น ตัวอย่างคำว่า Lese เป็น infinitiv ที่แปลว่า อ่าน
Les dette ! อ่านนี่ซิ !
Les dette før du maler huset. อ่านนี่ ก่อนที่คุณจะทาสีบ้่าน
7. Passiv เป็นการใช้กิริยาแสดงการถูกกระทำของคำนามหรือสรรพนาม ตรงข้ามกับรูป Activ
Activ Passiv
Han maler huset Huset blir malt av han.
เขาทาสีบ้าน บ้านถูกทาสีโดยเขา
8. Passiv med -s การทำให้เป็นรูปกิริยาของนามที่ถูกกระทำ โดยการเติม -s ท้ายคำกิริยา
เช่น คำว่า male เป็น infinitiv แปลว่า ทาสี
Vegg males hvitt på toalettrom.
ผนังในห้องน้ำถูกทาด้วยสีขาว
การแปลงรูปกิริยา (Bøying av verbet)
ยกตัวอย่าง คำว่า snakke (ซึ่งเป็น infinitiv แปลว่า พูด)
ถ้าเราเปิดหาคำนี้ในเว็บพจนานุกรม จะพบว่า รูปแบบการแปลงรูป คำว่า snakke แบบ v1ดังนี้
(รูปแบบเดียวกับ คำว่า kaste ที่แปลว่า โยน)
infinitiv presens (nåtid) preteritum (fortid) perfektum
kaste kaster kasta หรือ kastet kasta หรือ kastet
snakke snakker snakka หรือ snakket snakka หรือ snakket
Verb former ตัวอย่างการแปลงรูป
Infinitiv snakke
Presens (nåtid) Han snakker med henne. เขากำลังพูดกับเธอ
Preteritum (fortid) Han snakket med henne. เขาพูดกับเธอไปแล้วในอดีต
Presens perfektum Han har snakket med henne. เขาได้พูดกับเธอ หรือ เขาพึ่งจะพูดกับเธอไป
Preteritum perfektum Han hadde snakket med henne. เขาได้พูดกับเธอไปแล้วในอดีต
Presens futurum Han skal snakke med henne. เขาจะพูดกับเธอ
Han vil snakke med henne. เขาอยากพูดกับเธอ
Preteritum futurum Han skulle ikke snakke om det. (กล่าวถึงในอดีตว่า) เขาไม่น่าจะพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้น
การเล่าเรื่องในอดีตแบบ Pluperfect คือ อดีตกาลสมบูรณ์
ตัวอย่าง
- Etter at vi hadde spist, gikk vi på skole. หลังจากที่เราทานข้าวเสร็จแล้ว เราก็ไปโรงเรียนต่อ
- Dersom Jeg hadde hatt tid, skulle jeg ha hjulpet deg. หากว่าฉันได้มีเวลา ฉันก็จะได้ช่วยเธอ
มีข้อสังเกตว่า การแต่งประโยคแบบ Pluperfect มักจะใช้ในกรณีที่แสดงถึงความหวังที่ยังไม่ได้สมบูรณ์